การสร้างหลักประกันการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานที่มั่นคงยังคงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ของประเทศ ดังเช่นเดียวกับในปี 2023 และ 2024 การลดการผลิตเหล็กดิบ (crude steel) ตามคำสั่งของรัฐบาลอาจไม่ได้มีการบังคับใช้อย่างเคร่งครัดในปี 2025 ผู้เข้าร่วมตลาดกล่าว
แหล่งข่าวอื่นๆ กล่าวว่าเพื่อให้แน่ใจว่าท้องฟ้าอากาศจะแจ่มใส สำหรับขบวนพิธีสวนสนามทางทหาร ที่ปักกิ่งในวันที่ 3 กันยายน การผลิตที่โรงงานรีดเหล็กและโรงงานโค้กบางแห่งในมณฑล Hebei และ Shandong ที่อยู่ใกล้เคียง อาจชะลอตัวลงระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม ถึง 3 กันยายน
อย่างไรก็ดีจนถึงขณะนี้ โรงงานในพื้นที่ยังไม่ได้รับแจ้งว่าจำเป็นต้องลดการผลิตเหล็กพิกไอออน (pig iron) และเหล็กดิบ (crude steel) ก่อนพิธีสวนสนามทางทหาร
“ปัจจุบัน โรงงานเหล็กทุกแห่งต่างก็ทำกำไรได้ดี ดังนั้นแม้ว่าโรงงานเหล็กทางภาคเหนือจะถูกบังคับให้ลดการผลิต เนื่องจากสภาพอากาศก่อนขบวนพาเหรด แต่ผลผลิตของพวกเขาก็น่าจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วหลังจากนั้น” แหล่งข่าวด้านการค้ากล่าว
เมื่อเร็วๆ นี้ อัตรากำไรของโรงงานเหล็กปรับตัวดีขึ้น ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากตลาดเหล็กที่เติบโต ซึ่งขับเคลื่อนโดยการคาดการณ์เรื่องการลดกำลังการผลิต และปริมาณการผลิต
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่การลดกำลังการผลิตจะเกิดขึ้นในปีนี้ และอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นทำให้โรงงานเหล็กไม่เต็มใจที่จะลดการผลิตอีกต่อไป และบางแห่งยังต้องการเพิ่มผลผลิตในบางผลิตภัณฑ์ด้วยซ้ำ
แหล่งข่าวในตลาดกล่าวว่า อัตรากำไรขั้นต้น (profit margins) ภายในประเทศของเหล็กเส้น (rebar) และเหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) ในช่วงต้นเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้นมากกว่า 200 หยวนต่อตัน ($27.80 ต่อตัน) โดยเพิ่มขึ้นจากในช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่อยู่ที่ประมาณ 150 หยวนต่อตัน
แหล่งข่าวระบุว่า การผลิตเหล็กเส้น (rebar) ของจีน ณ วันที่ 7 สิงหาคม เพิ่มขึ้น 11.8% เทียบจากต้นเดือนสิงหาคม และเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การผลิตเหล็กแผ่นรีดร้อน ณ วันที่ 7 สิงหาคม เพิ่มขึ้นประมาณ 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อัตราการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ย (average utilization rate) ของเตา blast furnaces ของจีน ณ วันที่ 8 สิงหาคม อยู่ที่ 90% ซึ่งสูงขึ้นประมาณ 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผู้สังเกตการณ์ตลาดกล่าว
การพูดคุยกันในตลาดชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลจีนมีแผนที่จะลดผลผลิตเหล็กดิบ (crude steel) ในปี 2025 ลง 50 ล้านตัน จาก 1.005 พันล้านตัน ในปี 2024
อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ปัจจุบัน คาดว่าผลผลิตเหล็กดิบรายปี ในปี 2025 จะลดลงเพียงเล็กน้อย และตลาดเหล็กอาจยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากอุปทานส่วนเกินในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แหล่งข่าวกล่าวเสริม